วันพุธที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2557

บุคลิกภาพกับการนำเสนอ


  1.      บุคลิกภาพมีความสำคัญกับการนำเสนออย่างไร

ตอบ ทำให้ผู้พูดมีความมั่นใจในขณะพูด และทำให้ผู้ฟังเกิดความประทับใจและอยากฟังเรื่องนั้นต่อไปจนกว่าผู้พูดจะพูดจบ
2. ข้อควรคำนึงในการกล่าวทักทายผู้ฟังมีอะไรบ้าง

ตอบ –กล่าวตำแหน่งไม่กล่าวชื่อ

-กล่าวทักผู้ฟังไม่เกิน3กลุ่ม

-กล่าวเรียงลำดับจากตำแหน่งของกลุ่มผู้ฟังจากตำแหน่งใหญ่ไปยังตำแหน่งรอง

-ไม่ควรใช้คำขึ้นต้นว่า กราบสวัสดี กราบคารวะ

-ไม่ควรกล่าวคำขึ้นต้น2แบบในการกล่าวทักครั้งเดียวกัน

-หากผู้ฟังเป็นฆราวาส และพระภิกษุสงฆ์ต้องใช้สรรพนามแทนผู้ฟัง และสรรพนามแทนผู้พูด

3. การเตรียมการเป็นพิธีกรควรทำอย่างไรบ้าง จงอธิบาย

ตอบ   การเตรียมตัวเป็นพิธีควรทำดังนี้

-ศึกษาขอมูลของงาน ว่างานอะไร ใครเป็นผู้จัด มีวัตถุประสงค์อะไร ผู้ร่วมงานเป็นใครบ้าง สถานที่ วัน เวลา ใครเป็นประธาน

-เรารับผิดชอบในส่วนใดของงาน เวลาไหน

-ศึกษาพิธีการ และขั้นตอนที่กำหนดไว้

-ทบทวนและแนะนำ

-เตรียมสคริปต์และซักซ้อม

-ผักผ่อนให้เต็มที่

4. การนั่ง และยืนนำเสนอควรปฏิบัติอย่างไรจึงจะเหมาะสม

ตอบ การนั่งควรปฏิบัติดังนี้

-วางมือบนโต๊ะหรือเก็บมือไว้ที่ตัก

-ใช้มือประกอบท่าทางให้เขากับเนื้อหาที่นำเสนอแต่อย่ามากจนเกินไป

การยืนควรปฏิบัติดังนี้

-ยืนตังตรง อกผายไหล่ผึ่ง

-เคลื่อนไหวบ้างเล็กน้อย แต่อย่ามากเกินไป

-แสดงอาการเป็นมิตรกับผู้ฟัง


5. ประโยคที่ว่า บุคลิกดีมีชัยไปกว่าครึ่งนิสิตเห็นด้วยหรือไม่
จงให้เหตุผล Weblog

ตอบ เห็นด้วยเพราะการที่เรามีบุคลิกภาพดี ทำให้เรามีความมั่นใจและ เมื่อเรามีความมั่นใจเราก็จะทำอะไรได้โดยที่ไม่มีความกังวลหรือเกิดความประหม่าในการเป็นพิธีกรเลย

6.ถ้านิสิตเป็นคนมีรูปร่างอ้วนควรแต่งกายอย่างไร พร้อมภาพประกอบ ลงใน Weblog

ตอบ ควรหาเสื้อผ้าที่เสริมไหล่ เนื้อเรียบ เบาบาง เป็นคอวี ลายคั้ง สีเข้ม เพื่อให้เราดูผอม
7. ถ้านิสิตได้รับมอบหมายให้แต่งกายในวันเปิดตัวแถลงข่าววีดิทัศน์หนังสั้น นิสิตจะแต่งกายอย่างไร
ตอบ  จะแต่งกายด้วย สีอ่อนเพื่อเพิ่มความสว่างและต้องเป็นเสื้อคอวีหรือเปิดไหล่เท่านั้น และที่สำคัญข้าพเจ้าจะหลีกเลี่ยงผ้าที่มันวาวเพราะมันจะขยายรูปร่างของเราซึ่งตัวของข้าพเจ้ารูปร่างก็ไม่ได้อ้วนจนเกินไปและก็ไม่ได้ผอมจนเกินไป และสีและที่เลือกมาทั้งหมดนี้ทำให้ดูเข้ากับบุคลิกภาพของตัวข้าพเจ้าด้วยเพราะตัวข้าพเจ้าจะเป็นคนที่ดูเรียบร้อย


วันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

วีธีการทำการ์ด


                  อุปกรณ์

 
                         -      กระดาษ A4
                         -      กระดาษสี 2 หน้าแบบแข็ง คละสี
                         -      กรรไกร/คัดเตอร์
-          กาวสองหน้า
-          สกอตเทป
-          ดินสอ/ปากกา
-          ไม้บรรทัด
-          สีไม้
-          สี  staedtler fineliner
ขั้นตอนการทำการ์ด
พับกระดาษครึ่งกลาง  แล้วพับกระดาษทางซ้ายและขวาเข้ามากึ่งกลาง(โดยใช้กระดาษA4ลองพับก่อนแล้วมาทาบลงบนกระดาษสีชมพู)     และตัดกระดาษสีเป็นรูปหัวใจ 2ดวงแล้ว  ติดที่ปลายกระดาษสีตรงกลางให้เท่ากัน เพื่อทำที่ปิดเปิดการ์ด รูปหัวใจดวงแรกตัดจากด้านบนลงมาถึงครึ่งดวง ดวงที่สองตัดจากด้านล่างขึ้นไปครึ่งดวง เพื่อให้รูปหัวใจสอดเข้าหากันได้
วาดรูปที่เราชอบเช่นคิวปิต ดอกกุหลาบ ลงบนกระดาษA4แล้วนำเทปใสมาติดไว้กับกระดาษสี แล้วทำการตัดด้วยกรรไกรหรือคัดเตอร์ก็ได้ แล้วเมื่อได้รูปที่เราต้องการแล้วให้ติดกาว2หน้าชนิดแบบหน้าหรือที่เรียกว่า3Mลงไปบนตัวคิดปิตหรือดอกกุหลาบเพื่อให้มันนูนเด่นชัดออกมา
 

 
 
 
 
 
 
 
 
ตัดเส้นด้วยปากกาสี  staedtler fineliner เพื่อให้มันดูคมชัดแล้วเราก็ติดรูปเหล่านี้ลงไปบนหน้าปกของการ์ด และตัดขอบกระดาษให้มนเป็นวงกลมโดยใช้เหรียญ  แล้วตัดกระดาษสีฟ้าเพื่อทำเป็นริบบิ้นคาดจากอีกด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่งโดยอ้อมข้างงหลังการ์ด
 
 
ด้านในเราจะตัดกระดาษสีดำและสีแดงเป็นรูปหัวใจเพื่อซ้อนกัน โดยใช้3Mติดซ้อนกัน เพื่อให้รูปหัวใจนูนออกมาและเราก็เขียนคำอวยพรสั้นๆๆลงไปบนรูปหัวใจ  และก็วาดรูปเด็ก2คน ผู้ชายกับผู้หญิง แล้วก็ระบายด้วยสีไม้ให้สวยงามแล้วนำมาติดใต้รูปหัวใจ
ทำโลโก้ข้างหลังโดยใช้กระดาษสีเหลืองและก็วาดลวดลายเป็นรูปดอกไม้  สุดท้ายตกแต่งเพิ่มเติมได้ตามใจชอบคะ
 
 
 
 
 
 
 

วันพุธที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

องค์ประกอบในการออกแบบสื่อสร้างสรรค์

จงตอบคำถามต่อไปนี้
 1. เทคนิคการกลับพื้นภาพมีผลต่อสายตาผู้ดูอย่างไร
ตอบ จากการออกแบบกลับพื้นภาพ ทำให้เกิดการสร้างสรรค์งาน เป็นสัญลักษณ์ (Logo) และเป็นที่นิยม เพราะมีความแปลกใหม่ น่าสนใจ นอกจากนี้ยังมีผลของการมองเห็นว่า ภาพสีขาวที่อยู่ในพื้นสีดำ จะทำให้ดูโตขึ้น 10-15 % สังเกตภาพตัวอักษร A ในข้อที่ 6 ตัวอักษรดำและขาวโตเท่ากันในการทำ ต้นแบบ เมื่อตัว A อีกตัวหนึ่งไปอยู่ในพื้นดำทำให้ดูโตกว่า เทคนิคนี้นิยมนำไปใช้ทำตัวอักษรพาดหัวข่าวสำคัญในหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์
 2. เส้นตั้งให้ความรู้สึกอย่างไรแก่ผู้ดู
ตอบ ให้ความรู้สึกสูงสง่า แข็งแรง มั่นคง ถ้าสูงมาก ๆ ก็จะให้ความ รู้สึกไม่ปลอดภัย แต่จะบอกความเติบโต ถ้านำมาประยุกต์ในการแต่งกาย โดยใส่เสื้อ ลายแนวเส้นตั้งฉาก แนวดิ่ง จะช่วย
ให้ดูสูงขึ้น และถ้าออกแบบให้ดูผอมลง อาจใช้เพียง2-3 เส้น
 3. เส้นนอนให้ความรู้สึกอย่างไร
ตอบ ให้ความรู้สึกสงบ ราบเรียบ แน่นอน มั่นคง ปลอดภัย ความนิ่ง พักผ่อนเป็นธรรมชาต
 4. เส้นเฉียงให้ความรู้สึกอย่างไร
ตอบ ให้ความรู้สึกไม่มั่นคงไม่ปลอดภัย ตื่นต้น สนุกสนานแสดงการเคลื่อนที่ ไม่อยู่นิ่ง
 5. ให้นิสิตหาภาพที่แสดงถึงองค์ประกอบของความขัดแย้ง
 1ภาพพร้อมอธิบายการสื่อความหมายของภาพ
ตอบ

ภาพนี้ให้ความรู้สึกว่ามีความขัดแย้งกันในภาพไม่ว่าจะเป็นความแตกต่างของสีและความแตกต่างของหน้าที่มีรอยยิ้มกับหน้าที่บึ่งตึงซึ่งความรู้สึกบนหน้านั้นขัดแย้งกัน และถ้าหากว่าภาพนี้ถ้าเราส่งไปให้ใครแสดงว่าเรากำลังโกรธคนคนนั้นอยู่เพราะหน้าที่บึ้งตึงนั้นแสดงความโกธรและเป็นหน้าที่ผู้ทำต้องการให้หน้าบึ้งเป็นจุดเด่นของภาพ


 6. ให้นิสิตหาภาพการจัดองค์ประกอบความสมดุลมา 2 ภาพ
 พร้อมอธิบาย
ตอบ

ภาพนี้เป็นภาพที่มีองค์ประกอบที่ดุลกันทั้งข้างซ้ายข้างขวา และมีจุดเด่นอยู่ตรงกลางสีสันสบายตาเหมือนได้เห็นภาพจริง และบรรยากาศในภาพยังให้ความรู้สึกสงบร่มเย็นและความสง่างามของ
วัดเบญจมบพิตรอีกด้วย


ภาพนี้เป็นภาพที่แสดงเวลาว่าเป็นเวลาเย็นที่ให้การเลื่อนไหวว่าเพราะอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้าแล้ว และภาพนี้เกิดการสมดุลของภาพได้โดยการใช้สีถึงภายในภาพจะดูว่าภูเขาและเรืออยู่ในข้างเดี่ยวกันแต่สีที่ถูกใส่ลงไปทำให้ภาพเกิดการสมดุลเพราะมีการใส่สีที่เป็นท้องฟ้ายามเย็นและยังสะท้อนลงไปในน้ำด้วยซึ่งการสะท้อนทำให้ที่ว่างนั้นสมบูรณ์ และกลายเป็นภาพที่สมดุลกัน

การใช้สีเพื่อการออกแบบและนำเสนอ

1. ถ้าต้องการออกแบบและน าเสนอ PowerPoint ถึง
เรื่องราวด้านวัฒนธรรม ชุมชนโบราณ ควรใช้ใด ในการออกแบบ
เพราะเหตุใดจงอธิบาย
ตอบ สีน้ำตาลเป็นสีพื้นหลังเพราะสีน้ำตาลจะแสดงถึงความเก่าแก่โบราณ และส่วนสัญลักษณ์ต่างๆที่แสดงว่าเป็นวัฒนธรรมทางวัตถุและไม่ใช้วัตถุก็ให้ใช้สีเทาเพราะสีเทาแสดงถึงการอนุรักษ์ และการมีอายุมากหรือมีอายุมานานแล้ว การที่ข้าพเจ้า
ใช้ทั้ง2สีนี้เพราะการที่เราจะทำเรื่องราวด้านวัฒนธรรม ชุมชนโบราณ เสนอนั้นเป็นการบอกที่มา ประวัติความเป็นมา และสิ่งของต่างๆ และที่สำคัญเราก็ควรที่จะเสนอเรื่องการอนุรรักษ์เข้าไปด้วยเพราะการอนุรักษ์เป็นสิ่งที่จะทำให้ข้อมูลของเรามีหลักฐานที่เป็นของจริงยังคงอยู่ ไม่ใช้อยู่แค่เพียงชื่อหรือแค่อ่านและจิตนาการเอาเท่านั้นเอง

2. ให้นิสิตหาภาพถ่ายหรือภาพวาดที่ใช้สีตัดกันมา 2 ภาพ
พร้อมอธิบายการสื่อความหมายของภาพ
ตอบ


เมื่อได้มองภาพนี้ทำให้เห็นว่าแมลงปอนั้นเป็นของจริงที่เกาะอยู่บนกิ่งไม้เล็กๆ และก็รู้สึกว่าแมลงปอกำลังขยับปีกอยู่ในธรรมชาติ  ซึ่งก็แสดงถึงความมีชีวิตชีวาและมีพลังในการเคลื่อนไหวของภาพนี้


ภาพนี้แสดงว่าสีเหลืองที่อยู่กลางดอกบัวหรือตรงเกสรนั้นมีพลังบ้างอย่างซ่อนอยู่ และเป็นพลังที่ดึงดูดให้รู้สึกว่าดอกบัวมีชีวิตและกำลังเปร่งแสงสีเหลืองออกมา ดูแล้วมันช่างตื่นเต้นแต่ก็แอบแฝงความน่า
สะพึงกลัวไว้ด้วย

วันพุธที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ทิพวรรณ มั่งคั่ง

 
โจทย์ : การบันทึกสะท้อนคิดผ่านสื่อโฆษณาไทยประกันชีวิต
1.ให้นิสิตทำการตีโจทย์/วิเคราะห์ตามกระบวนการ
1.1 เป้าหมายของโฆษณานี้คืออะไร
ตอบ    เป้าหมายของโฆษณาคือต้องการให้คนที่ดูโฆษณานี้หันมาดูแลและใสใจคนที่คุณรักและรักคุณ โดยเสนอให้คุณซื้อประกันภัยกับไทยประกันชีวิต
1.2 โฆษณานี้จะนำเสนอหรือใช้ไปในที่ใด
ตอบ  เสนอผ่านสื่อโทรทัศน์ และ Internet
1.3 ใครเป็นคนชมภาพยนต์โฆษณานี้บ้าง
ตอบ   ประชาชนทั่วไป
1.4 ขั้นตอนในการทำงานนี้สามารถทำำได้อย่างไร
ตอบ    ขั้นตอนในการผลิตภาพยนตร์โฆษณามีดังนี้
1.  การสรุปเค้าโครงเรื่องภาพยนตร์โฆษณา  (Brief  Storyboard)  คือการสรุปและทำความเข้าใจในเนื้อเรื่องของภาพยนตร์โฆษณาที่จะถ่ายทำอย่างละเอียดระหว่างผู้ร่วมงานทุกคน
2.   การเตรียมงานการผลิตภายในบริษัท (Internal  Pre-Production)  คือ   การเตรียมงานก่อนการถ่ายทำ  ได้แก่  การเลือกตัวแสดง,  สถานที่ถ่ายทำ, สิ่งประกอบฉาก, เสื้อผ้า ฯลฯ ซึ่งขั้นนี้เป็นการเตรียมงานภายในบริษัทโฆษณาก่อนนำเสนอลูกค้า
3.  การเสนอแผนการผลิตให้ลูกค้าพิจารณา  (Pre-Production)  คือ การนำงานทั้งหมดที่เตรียมไว้ก่อนการถ่ายทำมาเสนอแก่ลูกค้าในรายละเอียด  เพื่อให้ลูกค้าได้รับทราบ  และหากมีบางสิ่งที่ลูกค้าไม่เห็นด้วย     บริษัทโฆษณาจะต้องแก้ไข  จนกว่าจะตกลงกันได้ในรายละเอียดทั้งหมด
4.   การถ่ายทำภาพยนตร์โฆษณา  (Shooting)  คือ การถ่ายทำภาพยนตร์โฆษณาในรายละเอียดทั้งหมด ตามที่ลูกค้าตกลงแล้ว
5.  การผลิตขั้นสุดท้าย (Post  Production)  คือ  การนำชิ้นงานที่ได้ถ่ายทำไว้แล้วมาตัดต่อให้เป็นเนื้อเรื่อง, ใส่เทคนิคต่าง ๆ ,  ใส่เสียง เพื่อให้เป็นภาพยนตร์โฆษณาที่สมบูรณ์ 
    พร้อมที่จะออกอากาศโฆษณาการผลิตภาพยนตร์โฆษณาทั้ง 5 ขั้นตอนนี้ บริษัทโฆษณาจะต้องดูแลทั้งหมด โดยได้รับความเห็นชอบจากลูกค้าในทุกขั้นตอน
ปัญหาและอุปสรรคในกระบวนการผลิตภาพยนตร์โฆษณา  คือ รายละเอียดของงาน และการควบคุมงบประมาณเพราะระยะเวลาการโฆษณาทางโทรทัศน์นั้นโดยทั่วไปจะอยู่ระหว่าง   30  วินาทีถึง  1  นาที   แต่จะต้องผลิตภาพยนตร์ให้ได้ตามแผนงานที่วางไว้ และใช้ระยะเวลาในการทำงานนานรวมทั้งงบประมาณในการผลิตค่อนข้างสูง   บริษัทจึงต้องใช้บุคลากรที่มีความสามารถทางด้านนี้โดยเฉพาะ   เพื่อคัดเลือกบริษัทผู้ผลิตภาพยนตร์โฆษณา  ควบคุมการผลิตทุกขั้นตอนไม่ให้ผิดพลาด  รวมทั้งควบคุมงบประมาณและระยะเวลาในการผลิตให้เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้
capital.sec.or.th/webapp/corp_fin/datafile/56/20050248T06.DOC
1.5 Concept ของโฆษณานี้คืออะไร
ตอบ Concept ของโฆษณานี้คือการนำเสนอครอบครัวเพราะครอบครัวเป็นสถาบันที่สำคัญพื้นฐานของสถาบันต่างๆและครอบครัวก็เป็นสิ่งที่คนไทยให้ความสำคัญ ดังนั้นโฆษณาประกันภัยชุดนี้จึงได้นำเสนอครอบครัวหนึ่งที่มีเพียงพ่อที่เป็นใบ้กับลูกสาว ซึ่งลูกสาวไม่พอใจที่มีพ่อเป็นใบ้ไม่ได้เป็นคนที่ปกติเหมือนพ่อของคนอื่นๆและรู้สึกอับอายไม่สนใจพ่อเลยแต่พ่อก็ค่อยดูแลเอาใจใส่ทำทุกอย่างเพื่อลูกสาว โฆษณานี้จึงอยากเชิญชวนให้คนดูรู้ว่า...อย่ารอให้ทุกอย่างสายเกินไป คุณควรหันมาใส่ใจคนข้าง ๆ เหมือนกับพ่อที่เป็นใบ้ที่ลูกสาวคิดว่าพ่อไม่ดีพ่อทำให้ตนเองอับอายแต่ลูกๆทุกคนควรรู้ไว้ว่า อาจจะไม่มีพ่อที่ดีที่สุด แต่มีพ่อที่รักคุณมากที่สุด และยอมทำทุกวิถีทางเพื่อคุณ แม้แต่ชีวิตก็แลกได้
1.6 หลังจากชมภาพยนต์นี้แล้วรู้สึกอย่างไร
ตอบ เมื่อข้าพเจ้าได้ดูโฆษณานี้แล้วรู้สึกเศร้าและซาบซึ้งในความรู้สึกของพ่อที่มีต่อลูกโดยไม่หวังผลใดๆทั้งสิ้น ทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่าง ในขณะเดียวกันก็รู้สึกสะเทือนใจที่ความรักของพ่อที่มีให้ลูกแต่ลูกกลับไมพอใจและรู้อับอายที่มีพอไม่เหมือนคนอื่น  ที่สำคัญทำให้เราต้องกลับมาดูตัวเองว่าเราดูแลพ่อ รักพ่อของเราและเข้าใจในสิ่งที่พ่อของเราเป็นมากพอหรือยัง
2.ให้นิสิตบันทึกเป้าหมายของการเรียนรายวิชากับเป้าหมายของการเรียนกับสาขาการจัดการบริการสังคม
ตอบ  เป้าหมายของการเรียนวิชานี้เพื่อให้ได้ออกแบบและเสนออย่างสร้างสรรค์ ซึ่งการออกแบบและการนำเสนอนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นมากในการเรียนเพราะทุกวิชาและทุกสาขารวมทั้งสาขาการจัดการบริการสังคม ก็จะต้องให้นิสิตมีการนำเสนอหน้าชั้นเรียนและก่อนนำเสนอเราก็ต้องคิดและออกแบบว่าเราจะนำเสนอออกมาในรูปแบบไหน และเมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วไม่ว่าเราจะไปทำงานในองค์กรใด ทั้งภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือ เอกชน เราก็ต้องมีการออกแบบรูปแบบงานในหัวข้อที่เจ้านายกำหนด และนำเสนอ ถ้าความคิดเราไม่สร้างสรรค์งานของเราก็ไม่แตกต่างจากผู้อื่นและถ้าเป็นประโยชน์ต่อสังคมด้วยก็จะประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่งในการออกแบบอย่างสร้างสรรค์กับการเรียนสาขาการจัดการบริการสังคมเพราการจัดการบริการสังคมเน้นเรื่องดูแลสวัสดิการของประชาชนและจัดการกับโครงสร้างของสังคมให้สมดุลกัน ในการจัดการโครงสร้างของสังคมก็ต้องมีการออกแบบและนำเสนออย่างสร้างสรรรค์เพื่อให้ผ่านการพิจารณาจากองค์กรหรือถูกใจประชาชน